กายของมนุษย์เรานั้นมีกลไกที่สลับซับซ้อนและมหัศจรรย์มาก แต่ปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลต่อสุขภาพอย่างมากคือ ภูมิคุ้มกัน หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันมากเกินไป ก็จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้ แล้วภาวะภูมิคุ้มกันมากเกินไปคืออะไร
ภูมิคุ้มกันมากเกินไป เกิดจากการที่ร่างกายมีการสร้างสารภูมิคุ้มกันออกมามากเกินกว่าระดับปกติ ภูมิคุ้มกันเหล่านี้จะไปทำให้เกิดการอักเสบในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ขึ้นอยู่กับว่าจะไปทำอันตรายต่อ อวัยวะส่วนใดในร่างกาย ถ้าไปทำลายอวัยวะที่สำคัญ ภาวะการเจ็บป่วยก็จะรุนแรงมาก เพราะจะเป็นอันตรายต่อการทำงานของร่างกายมากขึ้น ส่วนในบางคนที่แม้ไม่ได้ไปทำลายอวัยวะส่วนที่สำคัญ แต่ก็ยังจะส่งผลทำให้เกิดการปวดข้อเข่าอักเสบ หรือ ข้อต่างๆของร่างกาย บางรายก็จะเกิดอาการที่เป็นผื่นแดงขึ้นทำให้เกิดการระคายเคือง ตามผิวหนังในตำแหน่งต่างๆได้ด้วย
ภูมิคุ้มกันมากเกินไปกับโอกาสที่จะเกิดโรคหรืออาการต่างๆตามมา
เมื่อมีภูมิคุ้มกันมากเกินไปก็จะโอกาสที่จะเกิดโรคหรืออาการต่างๆตามมาอีกหลายโรคด้วยกัน ที่มีสาเหตุมาจากการแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรครูมาตอยด์ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรค SLE
โรคสะเก็ดเงิน(Psoriasis)
โรคสะเก็ดเงิน คือ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ผิวตนเองทำให้เกิดผื่นแดง แห้ง คัน เป็นแผ่นนูนหนา ตกสะเก็ดเป็นสีเงินหรือสีขาวลอกออกเป็นขุยๆ คล้ายรังแคตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ข้อศอก ลำตัว หัวเข่า เล็บและข้อ โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาได้แต่ไม่หายขาดและอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะเมตาบอลิกซินโดรม สาเหตุหลักของโรคสะเก็ดเงิน คือเกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง โดยเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำลายเซลล์ผิวดี โดยเข้าใจผิดว่าเซลล์ผิวดีเป็นแบคทีเรียหรือไวรัสที่รุกรานจากภายนอกจนทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังทั้งใหม่ เก่า พอกพูนเป็นแผ่นหนากลายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบสะเก็ดเงินที่แห้ง ตกสะเก็ด และลอกออกเป็นขุย
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus, SLE)
โรคพุ่มพวง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE (Systemic Lupus Erythematosus, SLE) เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำลายเนื้อเยื่อร่างกายของตนเอง แต่สาเหตุที่ภูมิคุ้มกันทำงานผิดพลาดนั้นยังไม่แน่ชัด แต่ยังพอสามารถระบุพฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคพุ่มพวงอยู่หลายสาเหตุ โรคนี้ยังต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานและเคร่งครัดเนื่องจากอาการที่กำเริบอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
โรครูมาตอยด์
โรครูมาตอยด์ คือโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อต่อ ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติไปทำลายอวัยวะของตนเอง พบผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว เนื่องจากเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นจึงได้รับผลกระทบมาก อาการของโรคคือ มีการอักเสบที่ข้อเป็นเวลานาน อาการปวดบวมตามข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อเท้า มีอาการข้อติดขัด เมื่อตื่นนอนตอนเช้า เบื่ออาหาร และปวดเมื่อยตามตัว หากมีอาการบวมมาก ๆ ที่บริเวณข้อและบวมต่อเนื่องเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป ให้รีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากมีความเสี่ยง หากรักษาไม่ทันเวลาจะทำให้พิการได้
โรค SLES ystemic Lupus Erythematosus
โรค Systemic Lupus Erythematosus (SLE) หรือลูปัส เป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายอวัยวะต่างๆ โดยเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย เช่น ข้ออักเสบ ผิวหนังอักเสบ ผื่นแดงตามผิวหนัง การอักเสบของเนื้อเยื่อ การอักเสบของไต และเส้นประสาทอักเสบ เป็นต้น
ภูมิคุ้มกันที่มากเกินไป มีผลกระทบกับเทโลเมียร์อย่างไร
จากงานวิจัยพบว่า กลุ่มคนที่เป็นโรคเหล่านี้จะมีเทโลเมียร์ที่สั้นลงเร็วกว่าคนปกติทั่วไป ก็จะทำให้สุขภาพเกิดการเสื่อมถอยรุนแรงมากขึ้น แต่ถ้าหากผู้ป่วยด้วยโรคเหล่านี้ได้รับการฟืนฟูร่างกายด้วยวัฒนชีวา ก็จะช่วยทำให้การเสื่อมถอยนั้นช้าลง โดยทั่วไปผู้ที่ป่วยด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเองก็มักจะได้รับการรักษาด้วยการให้ยากดภูมิคุ้มกันซึ่งก็จะยิ่งทำให้ร่างกายเสื่อมเร็วมากขึ้น เกิดภาวะโรคต่างๆได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการได้รับสเตียรอยด์นั่นเอง
นวัตกรรมวัฒนชีวาช่วยแก้ปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันได้อย่างไร
นวัตกรรมวัฒนชีวา จะเข้าไปช่วยไปปรับภูมิคุ้มกันให้สมดุล คือนวัตกรรมวัฒนชีวาสูตรสีชมพูเป็นตัวที่ช่วยรักษาภาวะภูมิคุ้มกันให้สมดุล ไม่ไปกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันมากขึ้น ช่วยปรับภูมิให้อยู่ในระดับปกติ ฟื้นฟูร่างกายที่กำลังเสื่อมสภาพให้ลดอาการอักเสบลง ทั้งยังช่วยซ่อมแซมอวัยวะให้ดีขึ้น โดยขบวนการทำงานคือการทำให้เทโลเมียร์ยาวขึ้นนั่นเอง คือทำให้เซลล์สร้างตัวใหม่ได้ดีขึ้น พร้อมกับซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีขึ้นด้วยไปพร้อมๆกันด้วย
Ncds